X
Home Uncategorized ‘กัญชง-กัญชา’ พืชเศรษฐกิจใหม่ ทำรายได้หลักหมื่นต่อกิโล

‘กัญชง-กัญชา’ พืชเศรษฐกิจใหม่ ทำรายได้หลักหมื่นต่อกิโล

Merck Life Science Thailand

กัญชงและกัญชา กลายเป็นกระแสร้อนแรงทั้งในประเทศไทย และหลายประเทศทั่วโลก ด้วยความที่เป็นพืชที่มีมูลค่าสูงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ตลาดกัญชาเพื่อการแพทย์มีสัดส่วนราวร้อยละ 60 ของมูลค่าตลาดกัญชาทั้งหมด และอีกร้อยละ 40 เป็นตลาดกัญชาเพื่อการสันทนาการ โดยคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดกัญชาในประเทศไทยปี 2564 อยู่ที่ราว 3,600-7,200 ล้านบาท (ที่มา: มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ)

หลังจากภาครัฐได้เปิดทางให้นำสารสกัดจาก CBD (Cannabidiol) สารแคนนาบิไดออล มาใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมส่งเสริมให้กัญชงและกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหล่านักลงทุนต่างก็ให้ความสนใจต่อการเข้ามาของธุรกิจกัญชงและกัญชาเป็นอย่างมากหลากหลายอุตสาหกรรม พร้อมต่อยอดนวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ทั้งทางการแพทย์ อาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง เป็นต้น แต่การจะนำสารสกัดจากกัญชงและกัญชาไปใช้ได้ ต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์ตามมาตรฐานและปริมาณที่ภาครัฐกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าได้รับผลิตภัณฑ์กัญชงและกัญชาที่มีคุณภาพปลอดภัย บริษัท เมอร์ค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจยา เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ทางนวัตกรรม จึงจัดงานสัมมนาออนไลน์ Cannabis Testing The Series EP1 ไขทุกข้อข้องใจเกี่ยวกับ กัญชงและกัญชา พร้อมชี้ทิศทางธุรกิจการใช้สารสกัดจากกัญชงและกัญชาในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่ทุกอุตสาหกรรมพลาดไม่ได้

รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “ปัจจุบันนี้หลายประเทศมีกฎหมายอนุญาตให้ใช้สารสกัดจาก CBD (Cannabidiol) สารแคนนาบิไดออล อย่างอิสระ เพราะสาร CBD มีสรรพคุณเหมือนพืชสมุนไพร ให้ฤทธิ์ผ่อนคลาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ ทำให้เส้นเลือดคลายตัวและเจริญอาหาร แรกเริ่มสาร CBD จึงมีการนำมาใช้กับผู้ป่วย HIV และผู้ป่วยมะเร็ง ทำให้อยากอาหารมากขึ้น ในปัจจุบันสาร CBD ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวงการอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Personal care) และผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม (Cosmetic) ในทวีปยุโรป อเมริกา โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการอนุญาตนำสารสกัดกัญชา เช่น สารแคนนาบิไดออล หรือ CBD มาใช้ทางการแพทย์ อาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และด้วยกฎหมายฉบับล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่สนับสนุนให้เกษตรกรไทยปลูกเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ โดยงดเว้นการนำเข้ากัญชา-กัญชงจากประเทศอื่นเป็นระยะเวลา 5 ปี ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรมาลงทุนให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ ด้วยระยะเวลาปลูกและเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 4 เดือน โดยกัญชงและกัญชากลายมาเป็นสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด มีราคาสูง ทุกอย่างของกัญชงขายได้ ตั้งแต่ ต้น ดอก ใบ กิ่งก้าน จนถึงรากที่นำไปทำโสม กัญชงจึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่น่าลงทุน ซึ่งตนมองว่าโมเดลของสาร CBD ในกัญชงจะถูกนำไปใช้เหมือนสารคาเฟอีนหรือวิตามิน กลายเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มที่วางขายตามร้านสะดวกซื้อ เป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร แทรกซึมอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่าง ในชีวิตประจำวัน

สิ่งที่เกษตรกรและผู้ลงทุนปลูกกัญชงต้องทำอย่างเคร่งครัด คือการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย การนำกัญชงและกัญชามาใช้ในอุตสาหกรรมหรือในผลิตภัณฑ์ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ การตรวจปริมาณสารสกัดจาก CBD (Cannabidiol) สารแคนนาบิไดออล และ THC (Tetrahydrocannabinol) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล โดยกฎหมายห้ามมีสาร THC เกิน 0.2% ดังนั้นการเลือกปลูกกัญชงจึงต้องเลือกสายพันธุ์ที่มี CBD สูง, THC ต่ำ โดยสามารถตรวจสอบขั้นต้นผ่านชุดตรวจที่ภาครัฐมีจำหน่ายหรือใช้วิธีส่ง Lab Test ก็กระทำได้ระยะเวลารอผลที่ 3-4 เดือน ซึ่งหากมองในแง่อุตสาหกรรมการมีชุดตรวจเป็นของตนเองทำให้คล่องตัว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันชุดตรวจปริมาณสารสกัดจาก CBD และ THC มีราคาไม่สูงอยู่ที่ราวๆ 20,000-25,000 บาท”

ดร.วัฒนพงศ์ สิทธิเสรี ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ด้านโครมาโทรกราฟี บริษัท เมอร์ค จำกัด

ดร.วัฒนพงศ์ สิทธิเสรี ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ด้านโครมาโทรกราฟี บริษัท เมอร์ค จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การวิเคราะห์สารสกัดกัญชงและกัญชาในผลิตภัณฑ์นั้น จะมีวิธีการตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ วิธีการตรวจสอบหนึ่งที่เป็นมาตรฐาน คือ วิธีการตามตำรายาของประเทศไทย (Thai Pharmacopoeia method 2020) โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำหรับ บริษัท เมอร์ค เราเป็นผู้นำเข้าเคมีภัณฑ์ วัสดุ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์สารสกัดกัญชง-กัญชา ที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมให้ความรู้และวิธีการวิเคราะห์ทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์กัญชงและกัญชาอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการตรวจวัดปริมาณสารสกัดจาก CBD (Cannabidiol) สารแคนนาบิไดออล และ THC (Tetrahydrocannabinol) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล เพื่อให้ได้ค่ามาตรฐานตามกฎหมายและปลอดภัยสูงสุด

สำหรับวิธีการตรวจวัดปริมาณสารสกัดจาก CBD (Cannabidiol) สารแคนนาบิไดออล และ THC (Tetrahydrocannabinol) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ทาง บริษัท เมอร์ค ได้นำเข้าเคมีภัณฑ์และอุปกรณ์ในการตรวจวัดปริมาณสารให้สอดรับกับกลุ่มผู้ประกอบการ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ

  • ระดับง่าย โดยใช้วิธีโครมาโทกราฟีแบบผิวบาง (Thin layer chromatography, TLC) ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่าย สะดวก และประหยัด ไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ สามารถตรวจวัดปริมาณสารได้อย่างรวดเร็ว และมีความแม่นยำในระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่เงินทุนไม่สูงมาก แต่ต้องการตรวจเบื้องต้นก่อนส่งห้องปฏิบัติการ
  • ระดับกลาง เป็นการตรวจวัดปริมาณสารโดยวิธีโครมาโทกราฟีของเหลวสมรรถนะสูง (High performance liquid chromatography, HPLC) ซึ่งเป็นวิธีการที่ตรงตามมาตรฐานห้องปฏิบัติการ เหมาะสำหรับห้องปฏิบัติการที่ใช้ตรวจวัดปริมาณสาร เนื่องจากวิธีการนี้เป็นวิธีการที่สะดวก รวดเร็ว และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการ
  • ระดับสูง เป็นการตรวจวัดปริมาณสารด้วยวิธีโครมาโทกราฟีของเหลวที่ต่อกับเครื่องวิเคราะห์มวลสาร (Liquid chromatography mass spectroscopy, LCMS) เป็นวิธีตรวจวัดปริมาณสารขั้นสูง เหมาะสำหรับห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ ให้ผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำสูงและน่าเชื่อถือ ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
จิรพันธ์ หล่อตระกูลชัย ผู้จัดการผลิตภัณฑ์สารมาตรฐานในห้องปฏิบัติการ บริษัท เมอร์ค จำกัด

นายจิรพันธ์ หล่อตระกูลชัย ผู้จัดการผลิตภัณฑ์สารมาตรฐานในห้องปฏิบัติการ บริษัท เมอร์ค จำกัด กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า เมอร์คได้เจรจาธุรกิจกับกลุ่มลูกค้ามาเป็นเวลา 3 ปี พร้อมทำการค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจวิเคราะห์มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการวิเคราะห์สารสกัดกัญชงและกัญชาในผลิตภัณฑ์นับว่าเป็นธุรกิจใหม่ซึ่งเป็นไฮไลต์ของเมอร์คที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก พร้อมแบ่งสัดส่วนลูกค้าไว้เป็น 2 กลุ่มหลักด้วยกัน คือกลุ่มภาครัฐ และภาคเอกชน โดยจะทำการโฟกัสไปที่กลุ่มธุรกิจเอกชนเป็นหลัก คาดว่าภายใน 1-2 ปี สัดส่วนการเติบโตของกลุ่มลูกค้าธุรกิจเอกชนจะอยู่ที่ 90% พร้อมตั้งเป้าการเติบโตในส่วนธุรกิจนี้อยู่ที่ 100% สอดคล้องกับมูลค่าธุรกิจกัญชงและกัญชาที่เติบโตแบบก้าวกระโดด

นับว่ากัญชงและกัญชา เป็นอีกหนึ่งพืชทางเลือกที่น่าจับตามองในภาคอุตสาหกรรม โดยประเทศไทยเองเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการอนุญาตนำสารสกัดกัญชาเข้ามาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อดึงศักยภาพของประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน และการนำสาร CBD เข้ามาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์ตามมาตรฐาน และทดสอบการหาปริมาณสารสกัดจาก CBD (Cannabidiol) สารแคนนาบิไดออล และ THC (Tetrahydrocannabinol) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ตามที่ภาครัฐกำหนด

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก: Merck Life Science Thailand

Previous articleร้องสำนักพุทธเรื่องไม่คืบ! สาววอน หมอปลา ช่วย – อ้างถูกเจ้าอาวาสวัดดังข่มขืน
Next articleเล็ก พงษธร สะท้อนความรักยุคโซเชียล ใน “เฟซบุ๊กทุกข์ใจ”