“ท๊อป จิรายุส” เผยจุดเปลี่ยนชีวิต จากกินจังค์ฟู้ดทุกวันสู่ CEO สุขภาพดี ชี้ร่างกายเคยแก่เกินจริง 16 ปี
ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เปิดใจในรายการ Glow On podcast with Grace ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต จากที่เคยใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วง กินพิซซ่าและโค้กทุกวัน จนมีอายุร่างกาย (Biological Age) สูงกว่าอายุจริงถึง 16 ปี สู่การเป็นผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสมอง
จากร่างกายแก่เกินจริง 16 ปี สู่ CEO สุขภาพดี: ถอดบทเรียนการเปลี่ยนชีวิตของ “ท็อป จิรายุส”
ท็อป จิรายุส ศรีอัมพร นักธุรกิจหนุ่มแห่ง Bitkub ได้มาแบ่งปันเรื่องราวการปฏิวัติตัวเองครั้งใหญ่ จากคนที่เคยใช้ชีวิตสุดโต่ง ทำงานหนักจนร่างกายทรุดโทรม มีอายุร่างกายแก่กว่าอายุจริงถึง 16 ปี สู่การเป็นผู้บริหารที่มีสุขภาพดีและมีชีวิตที่สมดุล โดยได้รับแรงบันดาลใจจากคริสเตียโน โรนัลโด และ โก้ ชานนท์
จุดเปลี่ยนสำคัญ: เมื่อ “นอกสนาม” สำคัญไม่แพ้ “ในสนาม”
คุณท็อปเล่าว่าจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาหันมาใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจังมาจาก 2 เหตุการณ์หลัก:
แรงผลักดันทางธุรกิจ: เมื่อ Bitkub เติบโตจนมีมูลค่าตลาดระดับหมื่นล้าน เขาตระหนักว่าการแข่งขันในโลกธุรกิจไม่ได้วัดกันแค่ที่ประสิทธิภาพการทำงานในสนาม (ในออฟฟิศ) เท่านั้น แต่ยังต้องแข่งกันนอกสนามด้วย นั่นคือการดูแลสุขภาพกายและสมอง เขาต้องการ “สมองอันใหม่” ที่มีศักยภาพสูงสุดเพื่อการตัดสินใจที่เฉียบคมขึ้น โดยมี คริสเตียโน โรนัลโด เป็นต้นแบบ ที่ดูแลตัวเองอย่างดีเยี่ยมจนเป็นนักเตะระดับโลกได้
แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่: เขาได้พบกับ คุณโก้ ชานนท์ CEO ของอนันดา ซึ่งในวัยใกล้ 50 ปี แต่กลับมีซิกซ์แพ็กและมีอายุร่างกายเพียง 30 กว่าปีเท่านั้น คุณโก้ได้ท้าทายให้คุณท็อปเลิกกินจังก์ฟู้ดและหันมาดูแลตัวเอง ซึ่งผลตรวจร่างกายในขณะนั้นของคุณท็อป (อายุจริง 33 ปี) กลับพบว่ามี อายุร่างกายเทียบเท่าคนอายุ 49 ปี
วิถีชีวิตในอดีต: ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย กินมื้อเดียวตอนดึก
ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไลฟ์สไตล์ของคุณท็อปอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าพังทลาย:
การกิน: ไม่กินอาหารระหว่างวันเพราะรู้สึกเสียเวลาทำงาน แล้วรวบยอดไปกินมื้อเดียวหนักๆ ตอน 3-4 ทุ่ม เมนูโปรดคือ พิซซ่าแช่แข็งและโค้ก ซึ่งเป็นอาหารแปรรูปขั้นสุด
การนอน: นอนเพียงวันละ 4-5 ชั่วโมง เข้านอนด้วยความเครียด ตื่นมาก็หยิบมือถือเช็กงานทันที ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา
เครื่องดื่ม: เริ่มวันใหม่ด้วยกาแฟคาปูชิโน่ใส่นมวัว และดื่มโค้กทุกคืนเพื่อความสดชื่น แม้แต่น้ำเปล่ายังลืมดื่มจนเลขาต้องคอยเตือน
ภารกิจพลิกชีวิต: สูตรลับฉบับท็อป จิรายุส
หลังจากตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณท็อปได้วางโปรโตคอลการใช้ชีวิตที่เข้มงวด โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Brian Johnson และ Mark Hyman
ด้านอาหารการกิน: “อาหารคือเชื้อเพลิง ไม่ใช่ความสุข”
เขาเปลี่ยนมุมมองว่าอาหารคือ “ข้อมูล” ที่ส่งเข้าร่างกาย และเลือกที่จะไม่กินสิ่งที่ทำร้ายตัวเอง โดยมีหลักการสำคัญ 4 ข้อ คือ ไม่กินน้ำตาล, แป้ง (Bad Carb), น้ำมันพืช (Refined Oil) และนมวัว
เมนูและวินัยประจำวัน:
Fasting: ทำ Intermittent Fasting (IF) แบบ 18/6
มื้อแรก: เริ่มต้นด้วยไข่ 4 ฟอง เพื่อเน้นโปรตีนและลดการกินจุบจิบ
มื้อหลัก: กินเมนู “Super Veggie” (บรอกโคลี, กะหล่ำดอก) และ “Nutty Pudding” (ถั่วและเมล็ดพืชดีๆ) ตามสูตรของ Brian Johnson โดยยังคงทานเนื้อสัตว์อยู่ (Pegan Diet)
อาหารเสริม: ทานวิตามินและอาหารเสริมจำนวนมาก (ราว 80 ชนิด) ในรูปแบบผงชงดื่ม “Longevity Mix” และแคปซูล เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารพื้นฐานครบถ้วน
ของว่าง: เปลี่ยนจากขนมกรุบกรอบเป็นถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ
เครื่องดื่ม: เลิกดื่มโค้กเด็ดขาด (ทำมาแล้วปีครึ่ง) และเปลี่ยนจากกาแฟนมเป็นชาเขียวมัทฉะไม่ใส่นม
ด้านการนอนหลับและการออกกำลังกาย
การนอน: แม้จะยังทำได้ไม่ดีนัก (นอนเฉลี่ย 6 ชั่วโมง จากเป้าหมาย 8 ชั่วโมง) แต่เขาเน้นที่ คุณภาพการนอน โดยใช้ Sleep Mat ที่ปรับอุณหภูมิได้ ทำให้เตียงอุ่นในห้องที่เย็นจัด และตั้งเตียงให้สั่นปลุกตอนเช้าแทนนาฬิกาปลุก
การออกกำลังกาย: ยอมรับว่ายังเป็นจุดที่ต้องปรับปรุง เพราะมักจะออกกำลังกายหลังเลิกงาน ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนัก
ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งและแนวคิดเบื้องหลัง
ลดอายุร่างกาย 19 ปี: ภายในเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง คุณท็อปสามารถลดอายุร่างกายจาก 49 ปี เหลือเพียง 30 ปี ในขณะที่อายุจริงคือ 35 ปี
เปลี่ยนความอยาก: เมื่อจุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut Microbiome) เปลี่ยนไป ร่างกายของเขาก็เริ่มโหยหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น กล้วย ซึ่งเมื่อก่อนเขาไม่เคยชอบเลย
ระบบสนับสนุน: เขามีทีมงาน (เลขา 8 คน) คอยจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มตามโปรโตคอล ทำให้เขาไม่ต้องตัดสินใจเลือกอาหารเอง ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะตามใจปากได้
ก้าวต่อไป: สู่ธุรกิจ “Longevity”
จากความสำเร็จในการดูแลสุขภาพของตัวเอง ทำให้คุณท็อปเกิดความหลงใหลและต้องการส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับคนไทยในวงกว้าง เขากำลังจะเปิดตัวบริษัทใหม่ในเครือ Bitkub ที่ชื่อว่า X Spring ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ “Longevity” หรือศาสตร์แห่งการมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจ Wellness ทั่วไป
ข้อคิดถึงคนอยากเปลี่ยนแปลง
คุณท็อปทิ้งท้ายว่า การจะเปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้นั้นมี 2 ทาง คือ:
มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (Deep Understanding): เมื่อเข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดีต่อร่างกาย ก็จะไม่อยากทำร้ายตัวเอง
มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ (Purpose): ตั้งเป้าหมายในชีวิตที่สำคัญ เช่น “อยากมีชีวิตอยู่เพื่อจูงมือลูกสาวในวันแต่งงาน” เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองในทุกๆ วัน
ถ้าโลกจะแตก แล้วจะเลือกกินอะไรได้อย่างหนึ่ง จะกินอะไร
“คือตอนนี้มันถึงขั้นที่ผมไม่ได้แคร์ ไม่ได้มองว่าอาหารคือความสุขแล้ว มันมีความสุขด้านอื่นในชีวิตเยอะมาก จากการที่มองอาหารเป็นเชื้อเพลิง มองอาหารว่าเป็น information ถ้าโลกจะแตก คงอยากทำอย่างอื่นมากกว่ากิน คงจะ fast แล้วไปทำอย่างอื่นที่มัน active ดีกว่า ความสุขมีด้านอื่นในชีวิตตั้งเยอะแยะ” ท๊อป จิรายุส กล่าวทิ้งท้าย
บทสัมภาษณ์เต็ม