รีวิว “MIRRR DAYDREAMING THE 1ST CONCERT”: ภวังค์แห่งฝันที่ทรงพลังและดีเกินคาดหมาย

สิ่งแรกที่ต้องขอชื่นชมอย่างสุดหัวใจคือโปรดักชันที่อลังการแบบจัดเต็มจนน่าทึ่ง ทีมงานได้เนรมิตคอนเซ็ปต์ “Daydreaming” หรือฝันกลางวัน ให้ออกมาเป็นภาพที่จับต้องได้จริง ๆ แสง สี เสียง และวิชวลบนจอ LED ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวในทุกบทเพลง สร้างมิติและอารมณ์ที่พาเราล่องลอยไปกับดนตรีได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ความเซอร์ไพรส์ที่แท้จริงคือดีไซน์ของเวทีที่เหนือชั้น ทั้ง เวทียก ที่ทำให้ศิลปินโดดเด่นขึ้นมา และไฮไลต์อย่าง เวทีลอย ที่เคลื่อนตัวออกมากลางฮอลล์! จังหวะนั้นเองที่ทำลายกำแพงระหว่างศิลปินและแฟนเพลงลงอย่างสิ้นเชิง การได้ฟังเพลง “ใครสักคน” และ “มาโซคิสต์” ในระยะที่ใกล้ชิด พร้อมกับเวทีที่หมุนได้ 360 องศา ทำให้ผู้ชมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโชว์อย่างแท้จริง นี่คือความหมายของ “Immersive Concert” ที่ไม่ได้เป็นแค่คำโฆษณา แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงตรงหน้า

คอนเสิร์ตจะสมบูรณ์ไม่ได้หากขาดสีสันจากแขกรับเชิญ และ Mirrr ก็ทำการบ้านมาได้อย่างยอดเยี่ยม การเปิดตัว “YENTED” เพื่อนซี้ที่ร่วมเส้นทางดนตรีกันมาตั้งแต่แรก มาแจมในเพลง “คิดต่อ” และ “ที่รักใจเย็น” คือโมเมนต์ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความอบอุ่น

ก่อนที่อุณหภูมิในฮอลล์จะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งกับการปรากฏตัวของ “เติร์ด Tilly Birds” ที่มาร่วมร้องในเพลง “ตลอดไปไม่มีจริง” ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ทรงพลังและลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังสนั่นที่สุดคงหนีไม่พ้นช็อตที่ “นาว” มือกีตาร์ของวง วางกีตาร์มาชิงพื้นที่แร็ปเปอร์ในเพลง “จำเก่ง” ถือเป็นเซอร์ไพรส์ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพรอบด้านของพวกเขา

นอกเหนือจากเพลงดังที่ทุกคนร้องตามได้อย่าง “นิโคติน” หรือ “ดอกไม้ไฟ” แล้ว คอนเสิร์ตนี้ยังเป็นพื้นที่ให้ทั้งคู่ได้โชว์ศักยภาพที่ซ่อนอยู่อีกด้วย “นาว” กับโซโล่กีตาร์ในเพลง “Glasgow Kiss” ที่เรียกได้ว่าเท่และบาดใจสุด ๆ ก่อนจะสร้างความประทับใจด้วยการร้องเพลง “แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร” เป็นครั้งแรก ซึ่งแม้จะดูเขิน ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความตั้งใจที่แฟน ๆ สัมผัสได้

ในขณะที่ “ติโต” ก็ได้นำเสนอตัวตนผ่านสองเพลงใหม่ที่แต่งขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทั้งเพลงสากลอย่าง “Toxic” ที่มีซาวด์ดนตรีแปลกใหม่ และเพลง “Daydreaming” ที่เป็นเหมือนจดหมายขอบคุณจากใจถึงชาวเมอรี่ (ชื่อกลุ่มแฟนคลับ) ทุกคน

“MIRRR DAYDREAMING THE 1ST CONCERT” ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเติบโต การทำงานหนัก และจิตวิญญาณของศิลปินที่ชื่อ Mirrr ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาได้ปลุกภวังค์แห่งความฝันของตัวเองให้กลายเป็นความจริงที่สวยงาม และในขณะเดียวกันก็ได้ส่งต่อพลังให้ทุกคนที่อยู่ในฮอลล์วันนั้นกลับไปพร้อมกับแรงบันดาลใจที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงเช่นกัน นี่คือคอนเสิร์ตที่จบลง แต่ความทรงจำและความประทับใจจะยังคง “ย้ำคิดย้ำทำ” อยู่ในใจไปอีกนาน