หุ้น 4 ค่ายเพลงยักษ์ K-POP เกาหลีดิ่ง! JYP โดดเด่นท่ามกลางวิกฤต Stray Kids หนุน โบรกมองฟื้นปีหน้า
ตลาดหุ้นของ 4 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้เผชิญกับความยากลำบากในไตรมาสที่ 3 โดย 3 ใน 4 ค่ายรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่กว่าปีก่อน เนื่องจากยอดขายอัลบั้มลดลงอย่างมาก ยกเว้น JYP Entertainment ที่รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด เนื่องจากกิจกรรมของ Stray Kids ที่เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
อุตสาหกรรม K-Pop กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว สาเหตุหลักมาจากยอดขายอัลบั้มที่ลดลง และการขาดกิจกรรมของกลุ่มศิลปินชื่อดังอย่าง Blackpink และ BTS โดยสมาชิก BTS กำลังรับใช้ชาติ ส่วน Blackpink ประกาศกลับมารวมตัวอีกครั้งในปี 2568
รายได้จากการสตรีมมิ่งในช่วงครึ่งแรกของปีไม่สามารถชดเชยการขาดทุนจากยอดขายอัลบั้มได้ ส่งผลให้หุ้นของ SM Entertainment, JYP Entertainment และ YG Entertainment ซึ่งจดทะเบียนในตลาด Kosdaq ร่วงลง 16%, 43% และ 10.41% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ ปัจจุบัน) ขณะที่ Hybe ซึ่งจดทะเบียนในตลาด Kospi หุ้นร่วงลงกว่า 11% นับตั้งแต่ต้นปี
ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของ 4 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่:
- Hybe: ไม่เปิดเผยสาเหตุของผลประกอบการที่ลดลง แต่ Yuanta Securities ระบุว่ายอดขายลดลงเนื่องจากศิลปินมีกิจกรรมจำกัดในช่วงโอลิมปิก 2024 และต้นทุนการเปิดตัว KATSEYE กลุ่มศิลปินในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อกำไร
- SM Entertainment: CFO Jang Jeong Min ระบุว่ารายได้ลดลงจากยอดขายอัลบั้มที่ลดลง และต้นทุนการผลิตโปรแกรมเดบิวต์ รวมถึงกำไรจากบริษัทลูกที่อ่อนแอ
- YG Entertainment: Samsung Securities ระบุว่าการขาดทุนจากการดำเนินงานไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากศิลปินมีกิจกรรมน้อย ในไตรมาสที่ 3 มีเพียง Babymonster (กลุ่มศิลปินหน้าใหม่) และ Lee Seunghoon (ศิลปินเดี่ยว) เท่านั้นที่ปล่อยผลงานออกมา
- JYP Entertainment: กลับกลายเป็นจุดสว่างเพียงแห่งเดียวในอุตสาหกรรม ด้วยการฟื้นตัวอย่างมากของกำไร NH Securities ระบุว่าเป็นผลมาจากกิจกรรมอย่างเต็มรูปแบบของ Stray Kids ที่เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
อนาคตสดใสในปี 2568?
Citi Research คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรม K-Pop จะฟื้นตัวทางการเงินในปี 2568-2569 คาดว่ารายได้รวมของ 4 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่จะเติบโตกว่า 21% ในปี 2568 และเกือบ 15% ในปี 2569 โดยการกลับมาของ BTS และ Blackpink และการสร้างรายได้ที่ดีขึ้นจากแพลตฟอร์มสำหรับแฟนคลับ จะช่วยหนุนรายได้ เช่น DearU (บริษัทลูกของ SM ที่ JYP ถือหุ้น 18.1%) ที่ร่วมมือกับ Tencent Music และ Weverse ของ Hybe ที่จะเปิดตัวระบบสมาชิกแบบใหม่ในเดือนธันวาคม
Citi มอง Hybe และ SM เป็นหุ้นเด่น แต่เลือก Hybe เพราะพอร์ตโฟลิโอที่สมดุล ต่างจาก SM ที่พึ่งพาตลาดจีนมาก ส่วน YG เป็นหุ้นที่มีความผันผวนสูง แต่จะได้ประโยชน์จากการกลับมาของ Blackpink ขณะที่คาดว่า JYP จะเผชิญความท้าทายในการรักษาการเติบโตในระยะยาว
ความคาดหวังเชิงบวกนี้สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ของ Goldman Sachs และ Morgan Stanley ที่มองว่า K-Pop กำลังจะขยายฐานแฟนคลับทั่วโลก และมีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะจากการแสดงในเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ เช่น Coachella และ Lollapalooza
ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตลาดหุ้น และความท้าทายที่อุตสาหกรรม K-Pop กำลังเผชิญ แต่ความคาดหวังของนักวิเคราะห์ยังคงมองอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ด้วยความหวัง โดยเฉพาะในปี 2568 เป็นต้นไป