หน้าแรก การตลาด ความนิยม K-pop ขึ้นสูง แต่หุ้นค่ายเพลง “บิ๊กโฟร์” ยังคงตกต่ำ

ความนิยม K-pop ขึ้นสูง แต่หุ้นค่ายเพลง “บิ๊กโฟร์” ยังคงตกต่ำ

0

วงการ K-pop กำลังเฟื่องฟูอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยศิลปินเกาหลีใต้ทำลายสถิติในระดับโลกทั้งบน YouTube, Spotify, และ Billboard Charts แต่ความสำเร็จนี้ไม่ได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของหุ้นของค่ายเพลงที่ดูแลพวกเขา

ค่ายเพลงหลักในวงการ K-pop หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บิ๊กโฟร์” ได้แก่ Hybe Corporation, SM Entertainment, JYP Entertainment, และ YG Entertainment ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Kospi และ Kosdaq ของเกาหลีใต้ ต่างประสบปัญหาหุ้นร่วงลงในปีนี้ โดยเฉพาะ JYP Entertainment ที่ร่วงลงถึง 56% นับตั้งแต่ต้นปี

ปัญหาและความไม่แน่นอน

แม้ว่า K-pop จะยังคงได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะกับศิลปินระดับโลกอย่าง BTS และ Blackpink แต่การตัดสินใจของสมาชิก เช่น การเข้ารับราชการทหารของ BTS และโปรเจกต์เดี่ยวของ Blackpink ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับการดำเนินงานของเอเจนซี่ นอกจากนี้ รายได้จากการขายอัลบั้มที่ลดลงยังเป็นปัญหาหลัก โดยยอดขายลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2024

การสตรีมและการขายแผ่นเสียง

ในขณะที่การสตรีมเพลง K-pop มีการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม Spotify แต่รายได้จากการสตรีมยังคงเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของรายได้รวมของค่ายเพลง ตัวเลขล่าสุดชี้ให้เห็นว่ารายได้จากการสตรีมของ Hybe มีเพียง 13% ของฐานรายได้ ขณะที่ SM และ JYP ต่ำกว่า 10%

การคาดการณ์และมุมมองในอนาคต

แม้จะมีปัญหาดังกล่าว นักวิเคราะห์หลายคนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นของ “บิ๊กโฟร์” โดยคาดการณ์ว่าการกลับมาของกิจกรรมศิลปิน เช่น การคัมแบ็กและคอนเสิร์ต จะช่วยกระตุ้นรายได้และกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 และปี 2025

สรุปได้ว่า แม้ความนิยมของ K-pop จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ค่ายเพลงยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งส่งผลให้การลงทุนในหุ้นของพวกเขายังคงมีความไม่แน่นอนสูง

ที่มา : https://www.cnbc.com/2024/09/09/k-pop-is-more-popular-than-ever-but-that-isnt-helping-agency-stock-prices.html