เปิดประวัติ Sabrina Carpenter: จากสาวน้อยดิสนีย์สู่โกลบอลซูเปอร์สตาร์สุดฮอต

นาทีนี้คงไม่มีใครร้อนแรงไปกว่า Sabrina Carpenter โกลบอลซูเปอร์สตาร์สาวพราวเสน่ห์ เจ้าของสองรางวัลแกรมมี่ ที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นผลงานเพลงที่ฮิตติดชาร์ต การแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ที่น่าจับตามอง หรือล่าสุดกับการขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นระดับโลกอย่าง Vogue Italia เส้นทางของเธอจากเด็กสาวผู้มีความฝันสู่การเป็นศิลปินระดับโลกนั้นน่าสนใจไม่น้อย StarEnews จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น

ชมคลิป Sabrina Carpenter ในงาน Coachella 2024 ที่นี่
https://www.instagram.com/p/DOqsEawEYVI/?img_index=2

จากเพนซิลเวเนียสู่เส้นทางสายบันเทิง

Sabrina Annlynn Carpenter เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1999 ที่รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เธอฉายแววความสามารถด้านการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มโพสต์วิดีโอคัฟเวอร์เพลงลง YouTube ตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ พรสวรรค์ของเธอโดดเด่นจนเข้าตาและได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Hollywood Records ในเครือ Disney เมื่ออายุเพียง 12 ปี

แจ้งเกิดจากบทบาท “Maya Hart” ในซีรีส์ดิสนีย์

ก้าวสำคัญที่ทำให้ Sabrina เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือการรับบท “Maya Hart” เพื่อนซี้ของตัวละครหลักในซีรีส์ยอดฮิตของดิสนีย์แชนแนลเรื่อง Girl Meets World (2014–2017) ซึ่งเป็นภาคต่อของซิตคอมยุค 90s อย่าง Boy Meets World ด้วยบทบาทที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ ทำให้เธอได้รับความรักจากแฟนๆ ทั่วโลก และกลายเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่น่าจับตามองในทันที

เส้นทางสายดนตรีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ควบคู่ไปกับงานแสดง Sabrina ก็ไม่เคยทิ้งความฝันในการเป็นศิลปิน เธอปล่อยเดบิวต์ซิงเกิล “Can’t Blame a Girl for Trying” ในปี 2014 ตามมาด้วยสตูดิโออัลบั้มแรก Eyes Wide Open ในปี 2015 หลังจากนั้นเธอก็มีผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Evolution (2016), Singular: Act I (2018), Singular: Act II (2019) และ Emails I Can’t Send (2022) ซึ่งแต่ละอัลบั้มแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางดนตรีและตัวตนที่ชัดเจนขึ้นของเธอ

ผลงานการแสดงที่หลากหลาย

นอกเหนือจากบทบาทที่สร้างชื่อใน Girl Meets World แล้ว Sabrina ยังมีผลงานการแสดงอีกมากมาย ทั้งในภาพยนตร์และซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ทาง Netflix เรื่อง Tall Girl (2019) และภาคต่อ Tall Girl 2 (2022) รวมถึง Work It (2020) ที่เธอนั่งแท่นเป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย เธอยังได้แสดงฝีมือบนละครบรอดเวย์ในบท “Cady Heron” จากเรื่อง Mean Girls ในปี 2020 อีกด้วย

ความสำเร็จระดับโลกและผลงานล่าสุด

ในปี 2024 ถือเป็นปีทองของ Sabrina อย่างแท้จริง เมื่อเธอปล่อยซิงเกิลสุดฮิตอย่าง “Espresso” และ “Please Please Please” ที่ทะยานขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของชาร์ตเพลงทั่วโลก ส่งผลให้อัลบั้มที่ 6 ของเธอ Short n’ Sweet ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย

ล่าสุด Sabrina สานต่อความปังด้วยอัลบั้ม Man’s Best Friend ที่เดบิวต์ในอันดับ 1 ของชาร์ต Billboard 200 โดยมีเพลง “Tears” ที่ติด Top 10 US Pop Radio อย่างรวดเร็ว และเพลง “When Did You Get Hot?” ที่ฮิตติดกระแสไปทั่วโลก

ความฮอตของเธอยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ล่าสุดเธอได้ขึ้นปกนิตยสาร Vogue Italia ในลุคสวยหรูสไตล์วินเทจ และยังกลับไปเป็นพิธีกรและแขกรับเชิญในรายการดังอย่าง Saturday Night Live อีกครั้ง

และอีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่สร้างความยินดีให้กับแฟนๆ คือการประกาศว่า Sabrina Carpenter จะได้ขึ้นเป็นหนึ่งในศิลปินเฮดไลน์เนอร์ของเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella ในปี 2026 ร่วมกับ Justin Bieber และ Karol G ซึ่งถือเป็นความฝันที่เป็นจริงของทั้งตัวเธอและแฟนเพลง หลังจากที่เธอเคยพูดติดตลกบนเวที Coachella 2024 ไว้ว่า “Coachella, see you back here when I headline.” และแน่นอนว่าบัตรคอนเสิร์ตก็ขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว

จากเด็กสาวมากความสามารถ สู่การเป็นศิลปินระดับโลกที่ครบเครื่องทั้งการร้อง การแสดง และการเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ Sabrina Carpenter ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอคือดาวเด่นที่พร้อมจะเฉิดฉายในวงการบันเทิงไปอีกยาวนานอย่างแน่นอน

ฟังอัลบั้ม Man’s Best Friend ของ Sabrina Carpenter ที่นี่

https://SabrinaCarpenterTH.lnk.to/MansBestFriendPR